อีกหนึ่งผู้บริหารที่ถือเป็นตำนานการบุกเบิกของซีพีที่ชวนชาวซีพีรับรู้คือคุณหมอสุจินต์หรือนายสัตวแพทย์สุจินต์ ธรรมศาสตร์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ สายธุรกิจสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ
ครั้งหนึ่งคุณหมอเล่าให้”วารสารบัวบาน”ฟังว่าคุณหมอมาจากครอบครัวชาวนา หลังจบสัตวแพทย์ศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ด้วยเกียรตินิยมในปี2521 ตอนที่เรียนเคยมาฝึกงานที่ฟาร์มนครปฐมซีพี พอเรียนจบก็มาสมัครงานกับซีพี
คุณหมอสนใจและชอบงานด้านวิจัยงานวิชาการมากกว่างานขาย ในที่สุดได้มาทำงานที่บริษัทกรุงเทพอาหารสัตว์อยู่กับดร.หลิน(ดร.ชิงชัย โลหะวัฒนกุล)
ช่วงแรกที่เข้ามาทำงานทำด้านวิจัยสูตรอาหารสุนัข อาหารแมวและอาหารสัตว์เลี้ยงอื่นๆโดยมีดร.หลินซึ่งคุณหมอถือเป็นครูที่ประสิทธิประศาสตร์ความรู้ให้คุณหมอมาตลอดเป็นทั้งเจ้านายและที่ปรึกษา
คุณหมอเล่าว่ากว่าจะเกิดเป็นกลุ่มธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของซีพีเป็นช่วงที่ทีมงานกำลังเริ่มเห็นแนวทางและความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจ แต่เป็นช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศกำลังมีปัญหาทำให้การเตรียมงานล่าช้าแต่ก็คลี่คลายได้
คุณหมอเล่าว่าช่วงที่ดร.หลินไปพบ Presidentที่ไต้หวัน คุณหมอมีโอกาสติดตามไปได้นำไอเดียที่ไต้หวันมาลองทำ เริ่มเช่าบ่อทำฟาร์มทดลองปลากระพงแล้วก็กุ้งกุลาดำที่แม่กลอง ทำอยู่ 3ปีมีปัญหาหยุดไปร่วม2ปี แล้วกลับมาทำอาหารปลาดุกเพราะปลาดุกได้รับความนิยม
แต่งานวิจัย งานค้นคว้าไม่สามารถอยู่นิ่ง ทีมงานเลยไปเช่าแถวคลองรังสิตทำวิจัยและศึกษาความเป็นไปได้การเลี้ยงกุ้งในไทยเพื่อนำเสนอท่านประธานธนินท์ท่านประธานธนินท์ให้ไปดูเรื่องที่ดินเพราะการเลี้ยงกุ้งจำเป็นต้องใช้ที่ดินที่เหมาะสมแต่ช่วงนั้นเศรษฐกิจไม่ดีเลยชะลอไปอีก2-3ปี หลังจากนั้นก็ไปญี่ปุ่นกับดร.หลินแต่ก็ยังไม่สำเร็จอีก2ปี จนกระทั่งมีบริษัทมิตซูบิชิของญี่ปุ่นที่เก่งเรื่องเพาะเลี้ยงกุ้งและมีเทคโนโลยีเข้ามาติดต่อเราเองและร่วมลงกันตั้งบริษัทกรุงเทพเพาะเลี้ยงสัตว์ขึ้นและเริ่มตั้งกลุ่มธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำขึ้นมาใหม่ โดยคุณหมอรับผิดชอบดูแลงานวิจัยทั้งกุ้งและสัตว์น้ำจืด ในความจริงซีพี เริ่มทำอาหารกุ้งกุลาดำเมื่อปี 2528 โดยคนริเริ่มวิจัยสูตรอาหารเหล่านี้คือคุณหมอ
ประมาณปี 2526 ทางซีพีได้ไปเช่าฟาร์มเล็ก ๆ แห่งหนึ่งอยู่ที่แม่กลองทำการทดลองเลี้ยงกุ้งกุลาดำ คุณหมอคือผู้ที่รับมอบหมายให้ดูแลงานบุกเบิกนี้ สมัยนั้นฟาร์มเลี้ยงแบบพัฒนายังไม่แพร่หลายไปทั่วเมืองไทย พื้นที่แถบ ระโนด-หัวไทรยังคงเป็นเพียงผืนนากว้าง หรือแม้แต่ทางภาคตะวันออกแถวจังหวัดตราดและจันทรบุรีก็ล้วนยังคงเป็นป่าชายเลนและสวนผลไม้
คุณหมอสุจินต์ยอมรับว่า ก่อนหน้านั้นกุ้งกุลาดำเป็นเรื่องใหม่รวมถึงในส่วนของบริษัทเองก็ยังไม่มีทรัพยากรและเครื่องไม้เครื่องมือทางด้านนี้มากเท่าใดนัก แม้แต่ลูกกุ้งที่ใช้ปล่อยในการทดลองเลี้ยงก็ยังต้องซื้อเอาจากกรมประมงด้วยซ้ำไป ด้วยการเริ่มต้นจากศูนย์อย่างแท้จริง ตลอดช่วง 3 ปีของการทำฟาร์ม ทดลองจึงไม่มีผลิตผลอะไรออกมา แต่ผลตอบแทนที่มีค่าอย่างยิ่งก็คือความรู้ทั้งมวลเกี่ยวกับกุ้งอันเป็นฐานรากสำคัญให้กับการทำธุรกิจในภายหลัง
“สิ่งที่ได้รู้ก็คือกุ้งเป็นอย่างไร ได้เข้าใจว่าปัญหามีมากน้อยแค่ไหน คุณชิงชัยก็พาไปไต้หวันได้เห็นอะไรต่าง ๆ จนที่สุดก็มาลงทุนร่วมกับญี่ปุ่น ทำจริงจังขึ้นมา”
ในที่สุดด้วยความพยายามคุณหมอกับทีมงานของซีพีก็ค้นพบวิธีการเลี้ยงโดยใช้ระบบปิดหรือ ระบบน้ำหมุนเวียนที่ใช้หลักการทั่วไปของการใช้น้ำในการเลี้ยงกุ้งกุลาดำก็คือ เมื่อมีการเอาน้ำเข้าสู่บ่อและใช้ไประยะหนึ่งแล้วก็ต้องปล่องทิ้งออกมา เนื่องจากว่าในน้ำที่ผ่านการเลี้ยงแล้วนั้นจะปะปนไปด้วยเศษอาหารตกค้างและของเสียที่กุ้งขับถ่ายออกมา หลังจากใช้ไปช่วงเวลาหนึ่ง ความเข้มข้นของของเสียก็สะสมมากขึ้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีการถ่ายออก นำน้ำใหม่เข้าไปแทน
ระบบปิดหรือการใช้น้ำหมุนเวียนสามารถเป็นคำตอบก็เพราะระบบนี้ได้ตัดทอนขั้นตอนการพึ่งพาน้ำจากภายนอกออกไปจากกระบวนการเลี้ยง มีความจำเป็นต้องสูบน้ำจากภายนอกเข้าสู่ฟาร์ม เฉพาะในขั้นต้นโดยที่น้ำดังกล่าวอาจจะต้องนำไปผ่านการบำบัดให้มีสภาพดีและเหมาะสมพอก่อน จนกระทั่งสามารถมั่นใจได้แล้ว จึงนำไปใช้ และเมื่อใช้แล้ว ก็ไม่ปล่อยทิ้งออกมา แต่จะผ่านตามรางน้ำทิ้งไปใช้ในการเลี้ยงปลา เลี้ยงหอยซึ่งเป็นตัวกรองที่กินตะกอนของเสียอันเป็นสารอินทรีย์ต่าง ๆ ให้ลดจำนวนลงได้ จากนั้นอาจจะบำบัดเพิ่มด้วยการเติมออกซิเจนหรือใช้แพลงตอนพืชชนิดกินแอมโมเนียเข้าช่วย น้ำนั้นก็สามารถใช้ได้อีก
นับแต่นั้นมาธุรกิจการเลี้ยงกุ้งและสัตว์น้ำก็ถูกพัฒนามาจนถึงปัจจุบันและส่งผลให้อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งและสัตว์น้ำเติบโตแม้จะเจอปัญหาเรื่องโรคและเรื่องสิ่งแวดล้อม คุณหมอกับทีมธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำก็หาทางแก้ปัญหาและสร้างนวัตกรรมการเลี้ยงกุ้งและสัตว์น้ำแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาอย่างต่อเนื่อง สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์น้ำที่ถูกกฏหมาย ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ยกระดับการผลิต และร่วมพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน
คุณหมอเป็นผู้มีความรู้ความสามารถเชี่ยวชาญงานวิจัยด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและด้านวิชาการอาหารสัตว์น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ที่ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2529 จากเดิมที่เป็นการเลี้ยงกุ้งแบบธรรมชาติ และแบบกึ่งพัฒนา เปลี่ยนมาเป็นการ เลี้ยงในระบบพัฒนา ซึ่งให้ผลผลิตเฉลี่ยต่อพื้นที่สูงกว่าเดิม คุณภาพของกุ้งเป็นที่ยอมรับ และยังเป็นการเลี้ยงกุ้งในแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ในด้านการพัฒนาสูตรอาหารสำเร็จรูปสำหรับการเลี้ยงสัตว์น้ำและอาหารสำหรับสัตว์น้ำวัยอ่อนนั้นคุณหมอ ได้นำความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่มาพัฒนาสูตรอาหารต่าง ๆ เช่น อาหารกุ้ง อาหารปลา เป็นต้น โดยเน้นการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นที่มีคุณภาพสูง ราคาถูก และกระบวนการผลิตอันประกอบด้วยเครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ทันสมัย ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน ทำให้อาหารสัตว์น้ำของเครือเจริญโภคภัณฑ์มีคุณภาพสม่ำเสมอ และได้มาตรฐานเท่าเทียมกันทุกครั้งการผลิต ในด้านการ พัฒนาพันธุกรรมสายพันธุ์สัตว์น้ำ คุณหมอ เป็นหนึ่งในทีมวิจัยที่ทุ่มเทวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์สัตว์น้ำ อาทิ ปลาทับทิม กุ้งก้ามกราม และกุ้งแวนาไม กับสถาบันต่าง ๆ จนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง และเป็นการพัฒนาอาชีพการประมงให้กับ เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน
ด้วยเหตุผลดังกล่าวมหาวิทยาลัยแม่โจ้เห็นว่าคุณหมอเป็นบุคคลที่มีเกียรติประวัติการทำงานอันดีเด่นเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และมากด้วยประสบการณ์ในด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เป็นผู้อุทิศตนทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมจนเป็นที่ยอมรับและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนทั่วไป นับเป็นบุคคลที่มีเกียรติประวัติและคุณสมบัติเหมาะสม จึงมีมติให้คุณหมอรับพระราชทานปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิทยาการประมงประจำปี2547 และรับรางวัลสัตวแพทย์ตัวอย่าง สายงานธุรกิจ ประจำปี 2561 ในงานการประชุมวิชาการนานาชาติทางสัตวแพทย์และสัตว์เลัยง (ICVS) ครั้งที่ 43
คุณหมอเป็นอีกตัวอย่างของความกตัญญู จากครอบครัวชาวนา ซีพีให้โอกาสได้สร้างเนื้อสร้างตัวให้ความรู้ให้อีกหลายๆอย่างและสิ่งที่บริษัทให้เกินจากความต้องการเป็นความผูกพันกันเหมือนคนในครอบครัว ด้วยความรัก ความอบอุ่น ทุกวันนี้ทำงานเพื่อทดแทนบริษัท และมองเพื่อนร่วมงานเปรียบเสมือนคนในครอบครัวซีพี
ขอบคุณ วารสารบัวบาน มิ.ย.2539/นิตยสารผู้จัดการ