คุณอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานคณะกรรมการซีพีเอฟ ถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานในเครือซีพีกับคณะทำงานด้าน Content 100 ปีซีพี โดยเริ่มทำงานกับซีพีเมื่อปีพ.ศ. 2510 ที่ทรงวาด ประธานอาวุโสเป็นคนสัมภาษณ์ สมัยนั้นเครือฯตั้งโรงงานอาหารสัตว์แห่งแรกอยู่ที่ตรอกจันทน์ ขาดนักบัญชี คุณอดิเรกเรียนมาทางบัญชี ทำงานอยู่ที่แบงก์ชาติ ลาออกจากแบงก์ชาติแล้วก็มาสมัครงานที่ซีพี
คุณอดิเรกเล่าถึงคำสอนปธอ.ครั้งแรกว่า“วันที่ท่านสัมภาษณ์ที่ทรงวาด ท่านประธานอาวุโสก็ให้โอวาทที่ดี ยังจำคำพูดของท่านได้ ท่านบอกว่าเด็กรุ่นใหม่ที่เข้ามาเนี่ย ก็มีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องของธุรกิจมากมาย แล้วก็ขอให้ทำงานหนักได้มากกว่าปกติในช่วงวัยรุ่น เหนื่อยวันพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาก็หายไปแล้ว แต่สิ่งที่ได้คือได้ความรู้ในสมอง อยู่ในตัวเรามันเหมือนคอมพิวเตอร์ที่เก็บข้อมูล ท่านใช้คำพูดนี้ตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว อันนั้นก็เป็นภาพที่ท่านขอให้ช่วยเรียนรู้ทำงานเต็มที่นั้นเป็นสิ่งที่จดจำได้
คุณอดิเรกเล่าว่าถือว่าโชคดีที่ได้ทำเรื่องบัญชีแล้วได้เรียนรู้เรื่องธุรการในโรงงานเรื่องHR เรื่องความเข้าอกเขาใจในผู้คนเป็นพื้นฐานที่ทำให้ส่วนตัวได้มีโอกาสที่เรียนรู้ 2 อย่าง อย่างที่หนึ่งได้เรียนรู้งานหลายๆ และเรียนรู้เรื่องการดูแลคน
คุณอดิเรกเล่าว่าตอนทำงานอยู่ที่ตรอกจันทน์ ได้มีโอกาส เห็นการทำงานของท่านประธานธนินท์ ท่านเป็นคนที่เข้าลึกในเนื้อหางานทุกเรื่อง ตั้งแต่วัตถุดิบทำอาหารสัตว์เข้มงวดในเรื่องการคัดสรรคุณภาพ ใช้พันธุ์ไก่ที่ดีของโลก ใช้เครื่องจักรที่ดีที่สุดของโลก เชิญผู้เชี่ยวชาญอย่างดร.ชิงชัย โลหะวัฒนกุลมาทำเรื่องสูตรอาหารสัตว์แล้วก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญอาหารอีกหลายคนกลายเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์คุณภาพที่ดีที่สุดจนเกิดความเชื่อมั่น ทำให้ซีพีเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาด
คุณอดิเรกยังถ่ายทอดมุมมอง ประสบการณ์การทำงานว่าสุดท้ายที่สุด คิดว่าการบริหารงานธุรกิจก็คือบริหารคนนั่นเอง ฉะนั้นถ้าเรารู้จักบริหารเรื่องคน เข้าใจเรื่องงาน เข้าใจเรื่องธุรกิจ เห็นความเชื่อมโยงกัน การดำเนินงานจะราบรื่น
คุณอดิเรกประสบความสำเร็จจากนักบัญชีก้าวเป็นผู้บริหารเป็นผู้จัดการคนแรกของโรงงานอาหารสัตว์แห่งที่2ของซีพีที่กม.21ที่ทันสมัยในเอเชียและยังไปเป็นผู้จัดการใหญ่ดูแลโรงงานอาหารสัตว์ที่ลำพูนและบุกเบิกธุรกิจครบวงจรในภาคเหนือที่ลำพูน ได้เปิดโลกในความคิดในเชิงธุรกิจได้กว้างมาก แทนที่จะรู้เรื่องเกี่ยวกับการผลิตจากโรงงาน ได้ออกไปเจอเอเยนต์ขายอาหารสัตว์ ได้เจอผู้เลี้ยงสัตว์ได้ไปประชุมส่งเสริมให้เกิดคอนแทรคฟาร์มมิ่งที่ภาคเหนือขึ้น ทั้งหมูทั้งไก่ ทั้งโรงแปรรูป เนื้อไก่และขายให้ตลาดสดด้วย ได้เรียนรู้ครอบคลุมหมดเหมือนไซส์ใหญ่ๆที่อยู่ในระดับประเทศ
คุณอดิเรกยังมีบทบาทไปเป็นผู้บริหารด้านเกษตรอุตสาหกรรมอาหารทั้งในจีน อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า ลาว กัมพูชา การบุกเบิก ลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์ เลี้ยงสัตว์ โรงชำแหละสัตว์ แปรรูปเนื้อสัตว์ทำเป็นอาหาร เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นอินทิเกรทต่อเนื่องในภูมิภาคของโลก การขยายไปทางยุโรปไปทางรัสเซีย ยุโรป ประเทศอเมริกา สร้างกิจการของซีพี ซีพีเอฟไปสู่ระดับโลก และผ่านการบริหารกิจการในช่วงวิกฤตของประเทศไทยและของโลก การบริหารความเสี่ยงของการขึ้นลงของผลิตภัณฑ์ การจัดการพอร์ตของโปรดักที่หลากหลายรวมทั้งพอร์ตของธุรกิจในต่างประเทศ ทำให้ซีพีเอฟผ่านพ้นวิกฤต เติบโตต่อเนื่อง มีธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำที่เข้มแข็งและก้าวสู่ธุรกิจปลายน้ำในเรื่องอาหารที่เชื่อว่าคนรุ่นใหม่จะทำให้สำเร็จ
คุณอดิเรกยังฝากข้อคิดชาวซีพีว่า 3ประโยชน์เป็นปรัชญาที่ถูกต้องแล้วถ้ามองประเทศชาติรัฐบาลก็ได้ภาษี ได้มีบริษัทใหญ่มาจ้างงานให้คนทำ มีบริษัทใหญ่มาสร้างValue เชนที่สร้างธุรกิจต่อเนื่อง การเพาะปลูก การแปรรูป การส่งออก สังคมโดยรวมน่าจะได้รับผลดีเพราะเราทำสินค้าที่คุณภาพดี ราคาไม่แพง สมัยก่อนจะกินไก่เป็นของแพง อาหารสำเร็จจะไปหาทานที่ไหน บริษัทเราพยายามทำอะไรที่ตอบสนองสังคมต้องได้ประโยชน์ จ้างงานแทนรัฐบาล ประชาชนทั่วไปก็ได้สินค้าคุณภาพ บริษัทก็เติบโตขยายการเติบโตไปต่างประเทศมากขึ้นผมคิดว่าปรัชญา3ประโยชน์เป็นเรื่องที่ดีมาก
“ที่ผ่านมาผมเห็นการเติบโต เราเติบโตทุกปี สิ่งที่มหัศจรรย์ผมเห็นการเติบโตนี้ผมมองไปอีก20ปีบริษัทก็ยังเติบโตตลอดเวลาและมีเรื่องท้าทายใหม่ๆให้เราทำอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นพนักงานหรือผู้บริหารเรามีโอกาสร่วมกับบริษัทก็จะเห็นโอกาสในการที่จะอยู่ในบริษัทที่มั่นคงเติบโตและสนุกกับการทำงาน ฉะนั้นผมเน้นว่าความสำเร็จจริงๆต้องเกิดจากบุคลากร คนเป็นพื้นฐานหลักที่อยู่ในวัฒนธรรมเดียวกัน อยู่ในทีมงานเดียวกัน มีความเชื่อเหมือนกันเหมือนหลัก6ประการที่เครือให้มา อันนั้นเป็นสิ่งที่ผมว่าเป็นปรัชญาหลักที่เราต้องเชื่อ ถ้าเราเชื่อในเรื่องพวกนี้แล้วมุ่งมั่นในเรื่องพวกนี้อย่างเต็มที่ผมว่ามันจะเป็นความเจริญเติบโตของบริษัทของพนักงาน ผู้บริหารก็ต้องเติบโตตามบริษัทแล้วก็ส่งผลดีต่อภาพรวมของสังคม ประเทศ”
“ ฉะนั้นผมคิดว่าเครือฯยังมีโอกาสเติบโตอีกมา จนถึงวันนี้ผมยังรู้สึกมีเรื่องท้าทายที่จะให้ทำ สนุกอีกหลายเรื่องขอให้พวกเราเชื่อมั่น มุ่งมั่นและเชื่อมั่นในหลักปรัชญาและเห็นในการที่จะสร้างโอกาสการเติบโต แล้วท่านประธานอาวุโสเป็นผู้ให้โอกาสกับผู้บริหารตลอดเวลาและหาคนไปแสดงในโอกาสนั้นๆ คนที่มีโอกาสแสดงก็ต้องถือว่าโชคดีที่มีโอกาส”
“ส่วนเถ้าแก่น้อยก็เป็นผู้ที่ได้รับโอกาสแต่ท่านประธานอาวุโสก็อยากสร้างเถ้าแก่น้อยให้เร็วขึ้น ให้มากขึ้นเพราะพลังของเถ้าแก่น้อยจะเป็นพลังที่มาขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในอนาคตและยิ่งในยุค4.0 คนรุ่นเก่าตามคนรุ่นใหม่ไม่ทันแน่นอน ฉะนั้นท่านก็ให้เวทีให้โอกาสฉะนั้นเวทีและโอกาสถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้ทุกคนได้รับ คนที่ได้รับ ขอให้ประสบความสำเร็จ”
#คณะทำงานContent 100ปีซีพี